ปัจจุบันมีผู้สูงอายุในประเทศไทยประมาณ 9.5 ล้านคน จัดเป็นผู้สูงอายุที่ยังแข็งแรงดีอยู่ 8.5 ล้านคน และเกือบ 1 ล้านคนเป็นผู้สูงอายุที่ต้องการคนดูแลเอาใจใส่ และ 143,000 คนเป็นผู้ป่วยติดเตียง 

ก่อนหน้านี้ ธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจัดเป็นธุรกิจอนาถาสำหรับผู้สูงวัยที่ไม่มีลูกหลานคอยดูแล แต่ปัจจุบันด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่ใช้ชีวิตแบบครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ผู้สูงอายุที่เป็นโสดมีกำลังซื้อสูงขึ้น ส่วนผู้สูงอายุที่แต่งงานก็อยู่กันสองคนสามีภรรยามากขึ้นด้วย จากสถิติในปี 2557 ผู้สูงอายุเกือบ 900,000 คนใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง 

ดังนั้นธุรกิจที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุที่ยังแข็งแรงดีอยู่จึงเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่ให้ความสนใจล่าสุด บริษัทแสนสิริ ร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช และโตคิวลงทุนพัฒนาคอนโดใหม่ “เวลล์เนส เรสซิเดนซ์” แม้ไม่ได้ประกาศว่ากลุ่มลูกค้าเป็นผู้สูงอายุโดยตรง แต่การที่กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวชได้นำแนวคิดเรื่อง การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เข้ามาใช้กับลูกบ้านในคอนโดของแสนสิริ ก็จัดเป็นบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุที่ใส่ใจในสุขภาพเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ กลุ่มโรงพยาบาลธนบุรีได้ลงทุนสร้าง “จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้” เมืองแนวคิดใหม่เพื่อวัยเกษียณในพื้นที่แถวรังสิต โดยออกแบบห้องพักแบบ Universal Design เพื่อรองรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะ และมีโรงพยาบาลฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวมอยู่ในโครงการ ที่ภูเก็ต บริษัท นายณ์ เอสเตท ได้ร่วมมือกับ บริษัท LPN บริษัทชีวาทัย และ บริษัท ช.การช่างเรียลเอสเตท ลงทุนในโครงการกมลา ซีเนียร์ ลีฟวิ่ง ซึ่งประกอบด้วยคอนโด 200 ยูนิต และวิลล่าอีก 30 ยูนิต มูลค่า 3,500 ล้านบาทคาดการณ์ว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าจะมีเม็ดเงินลงทุนในธุรกิจ retirement community ถึงกว่า 6,000 ล้านบาทเลยทีเดียว

ทำไมโรงพยาบาล และบริษัทยักษ์ใหญ่สนใจลงทุนในธุรกิจ retirement community

• ข้อแรก จำนวนผู้สูงอายุไทยจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว หรือคิดเป็นเกือบ 17 ล้านคน ภายใน 10 ปีข้างหน้า 
• ข้อสอง ผู้สูงไทยอายุในช่วง 60 -69 ปีเกือบ 50% ยังคงทำงานหลังเกษียณ ทำให้กลุ่มผู้สูงอายุที่ Young at Heart ที่ใส่ใจในสุขภาพและต้องการบริการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันเพิ่มสูงขึ้น 
• ข้อสาม จำนวนผู้สูงอายุต่างชาติภายใต้วีซ่า long stay มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี   

แล้วโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการ SME คืออะไร

• ข้อแรก ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยโรคยอดนิยมของผู้สูงอายุไทย ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ดังนั้นอาหารไขมันต่ำ อาหารน้ำตาลน้อย และอาหารลดเค็มที่สามารถตอบโจทย์ผู้สูงอายุที่ต้องควบคุมอาหารจึงเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มสดใสในอนาคต
• ข้อสอง ธุรกิจเครื่องสำอาง หรือเวชภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย (Anti-Ageing) ที่มีคุณสมบัติยกกระชับ ลดรอยกระจุดด่างดำโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าออร์แกนิกส์ที่ผลิตจากสมุนไพรหรือวัตถุดิบธรรมชาติ 
• ข้อสาม ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้าน โดยเฉพาะ เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มีเหลี่ยมคม ปรับระดับได้ตามความเหมาะสม ตลอดจนที่ราวจับกันลื่นภายในบ้าน และในห้องน้ำ
• ข้อสี่ ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เช่น บริการดูแลผู้สูงอายุตามบ้าน หรือธุรกิจดูแลผู้สูงอายุแบบไปกลับ หรือพักระยะสั้น ตลอดจนธุรกิจนำเที่ยว ทัวร์ไหว้พระสำหรับผู้สูงอายุ

อ่านบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ johnranard.com อัพเดตทุกสัปดาห์